สารเสพติดแต่ละประเภทใช้ชุดตรวจยาเสพติดแบบใด

การตรวจคัดกรองยาหรือเรียกอีกอย่างว่าการทดสอบยาเสพติด คือการรวบรวมและวิเคราะห์เลือด ปัสสาวะ ผม น้ำลาย หรือสิ่งส่งตรวจประเภทอื่นเพื่อประเมินการมีอยู่ของสารเคมีและสิ่งปนเปื้อนที่ตกค้างในร่างกายหลังการใช้ยา อย่างการคัดกรองยาอาจใช้เพื่อตรวจจับยาเพิ่มประสิทธิภาพ (PED) เช่น สเตียรอยด์และฮอร์โมนการเจริญเติบโตของมนุษย์ (Growth Hormone) หรือจะในกรณีของนักกีฬามืออาชีพที่แอบใช้สารเสพติดอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งชุดตรวจยาเสพติดมีหลายประเภท แต่ละประเภทจะใช้เพื่อทดสอบตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป

ในบทความต่อไปนี้เราจะมาดูกันว่าสารเสพติดแต่ละประเภทใช้ชุดตรวจสารเสพติแบบใด เพื่อให้ผลลัพธ์ถูกต้องมากที่สุด

ชุดตรวจยาเสพติด

ยาเสพติด หมายถึง

ยาเสพติดรวมถึงสารที่ถูกกฎหมาย เช่น แอลกอฮอล์และยาสูบ รวมถึงยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ ยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ และสารที่ผิดกฎหมาย การทดสอบยาไม่สามารถระบุความถี่และความรุนแรงของการใช้สารเสพติดได้ จึงไม่สามารถแยกแยะการใช้สารเสพติดทั่วไปจากความผิดปกติในการใช้สารเสพติดได้

ร่างกายของคุณเผาผลาญยาหลายชนิดในอัตราที่ต่างกัน ซึ่งกรอบเวลาในการตรวจหายาบางชนิดในร่างกายจึงมีความเฉพาะเจาะจงมากและแตกต่างกันไปในแต่ละสาร ดังนั้นจึงมีการออกแบบชุดตรวจยาเสพติดประเภทต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้งานให้เหมาะกับยาที่กำลังตรวจหา สำหรับยาเสพติดที่พบและได้รับการทดสอบบ่อยที่สุด ได้แก่ กัญชา โคเคน ฝิ่น ยาอี ยาบ้า และเบนโซไดอะซีพีน 

สารเสพติดแต่ละประเภทใช้ชุดตรวจสารเสพติดแบบใด

ยาเสพติดหลายประเภท แต่ละประเภทจะมีวิธีการและเครื่องมือที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

กัญชา: สารสำคัญกลุ่มหลักในกัญชาคือ แคนนาบินอยด์ (Cannabinoids) มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท แก้ปวด โดยเฉพาะปวดจากโรคทางระบบประสาท กระตุ้นความอยากอาหารและลดอาการคลื่นไส้จากการใช้เคมีบำบัด หากใช้ผิดวิธีหรือปริมาณที่มากจนเกินไปจะก่อให้เกิดพิษเฉียบพลัน ได้แก่ ความผิดปกติของปอด หลอดเลือดหัวใจและสูญเสียมวลกระดูก THC ซึ่งพบในกัญชาสามารถมีครึ่งชีวิตในการกำจัดได้นาน สามารถตรวจสารเสพติดเจอได้ใน 2-5 วันหลังเสพ แต่หากใช้สารเสพติดเป็นประจำจะตรวจเจอได้นานสุด 3 เดือน ใช้ที่ตรวจสารเสพติดในปัสสาวะแบบจุ่ม หรือ One Step Rapid Test / Strip 

โคเคน: มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทอย่างแรง และมีคุณสมบัติเป็นยาชาเฉพาะที่ มีผลทางจิตใจ ผู้เสพจะมีอาการเคลิบเคลิ้มเป็นสุข ลดความวิตกกังวล เมื่อเสพอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดอาการประสาทหลอน ได้แก่ อาการพูดพล่ามไม่หยุด เปิดเพลงดังสนั่น ไม่กินอาหาร ไม่หลับไม่นอน มือสั่น และมีความแปรปรวนทางอารมณ์อยู่ตลอดเวลา สามารถตรวจเจอได้ใน 1-2 วันหลังเสพ สำหรับผู้ที่ใช้สารเสพติดเป็นประจำจะตรวจเจอได้นานสุด 3 สัปดาห์ นิยมใช้ชุดตรวจสารเสพติดจากปัสสาวะ เนื่องจากสามารถเก็บตัวอย่างได้ง่าย มีต้นทุนต่ำ

ยาอี: ออกฤทธิ์ทั้งกระตุ้นประสาท และหลอนประสาท เห็นภาพและได้ยินเสียงหลอน ผู้ที่เสพยาจะมีอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นอย่างมาก เกิดอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อและไต เป็นโรคจิตแบบหลงผิด ความคิดสับสน ซึมเศร้า วิตกกังวล คลื่นไส้ ตาพร่ามัว เหงื่อออกมาก สามารถตรวจสารเสพติดเจอได้ใน 1-3 วันหลังเสพ แต่หากใช้สารเสพติดเป็นประจำจะตรวจเจอได้นานสุด 3 สัปดาห์ โดยใช้การตรวจจากปัสสาวะเป็นหลัก ขณะเดียวกันตรวจเส้นผมสามารถตรวจพบได้นานถึง 3 เดือนหลังเสพ

ยาบ้า: เป็นยากระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง โดยทั่วไปยาบ้าจะรมควันในท่อแก้วขนาดเล็กหรือฉีดเข้าไป ทั้งสองวิธีนี้ทำให้ยาเข้าถึงสมองได้เร็วมากโดยการฉีดจะเร็วที่สุด มอบความรู้สึกอิ่มเอมใจ นอกจากนี้ยายังสามารถรับประทานทางปากหรือสูดจมูก ทำให้เกิดอาการเมาเป็นเวลานาน สิ่งนี้ทำให้ตรวจพบผลบวกภายในได้ 4 ถึง 6 ชั่วโมงและนานถึง 3 วัน หลังการใช้งาน ด้วยการใช้ที่ตรวจสารเสพติดปัสสาวะแบบตลับ หรือ One Step Rapid Test / Casette 

เบนโซไดอะซีพีน

ยากลุ่มนี้จัดเป็นยาคลายกังวล ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางสามารถนำไปใช้รักษาได้หลายอาการ เช่น อาการนอนไม่หลับ ภาวะลมชัก คลายกล้ามเนื้อหรือคลายความวิตกกังวล มีผลทำให้ง่วงนอนได้มากและถูกใช้เป็นยานอนหลับ หากใช้ยาเกินขนาดบ่อยครั้ง อาจทำให้ผู้ใช้เสพติดยาหรืออาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ ปกติแล้วสามารถตรวจเจอได้ใน 2-5 วันหลังเสพ แต่หากใช้สารเสพติดเป็นประจำสามารถตรวจเจอได้นานสุด 1 เดือน ตรวจหาได้จากการทดสอบปัสสาวะ

สนใจสั่งซื้อชุดตรวจยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นแบบจุ่ม หรือแบบหยด สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่บริษัท เอ็นเจที แอร์ แอนด์ ซี โลจิสติคส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจำหน่าย ชุดตรวจสารเสพติดในปัสสาวะ ที่มีคุณภาพและมีใบรับรองผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ FSC , ISO 13485 และ CE Mark (IVD) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ท่านที่สนใจสามารถคลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อสอบถามเพิ่มได้ทันที ที่ https://njt-drugtest.com