การทดสอบสารเสพติดกับ ‘ด่านตรวจสารเสพติด’ บนท้องถนน

การขับขี่อย่างปลอดภัยต้องให้ความสนใจอย่างเต็มที่ เราต้องมีสติตื่นตัว มองเห็นได้ชัดเจน และมีการประสานงานที่ดี ซึ่งช่วยให้เราตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เนื่องจากแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดส่งผลต่อสมองทำให้ความสามารถในการขับรถอย่างปลอดภัยลดลง

กฎกระทรวงฉบับที่ 21 พ.ศ.2550 ออกความใน พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ระบุว่า ถ้ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ถือว่าเมาสุรา ยกเว้นผู้ขับขี่ใน 4 กรณีต่อไปนี้ ถ้ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ถือว่าเมาสุราคือ

  • ผู้ขับขี่ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์
  • ผู้ขับขี่ที่มีใบขับขี่ชั่วคราว (ใบขับขี่อนุญาตแบบ 2 ปี)
  • ผู้ขับขี่ที่มีใบขับขี่ประเภทอื่น ซึ่งใช้แทนกันไม่ได้
  • ผู้ขับขี่ที่ถูกยกเลิกใบขับขี่ หรืออยู่ระหว่างการพักใช้งานใบขับขี่

ดังนั้น การขับรถที่มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 0.05 หรืออยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาอื่น ๆ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากคุณเคยดื่มหรือเสพยา เป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่าทักษะการขับรถของคุณได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด

อันที่จริงแอลกอฮอล์และยาอื่น ๆ สามารถอยู่ในระบบของคุณได้นานกว่าที่คุณคิด หากคุณดื่มแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดในตอนเย็น การขับรถในตอนเช้าอาจไม่ปลอดภัย แม้ว่าคุณจะไม่รู้สึกว่ามึนเมาแล้วก็ตาม แต่การทดสอบด้วย ที่ตรวจสารเสพติกับด่านตรวจสารเสพติดบนท้องถนนก็อาจเป็นบวกได้ นอกจากนี้ พึงระลึกไว้เสมอว่าความเหนื่อยล้า อาการเมาค้างอาจส่งผลต่อทักษะการขับรถของคุณ หากคุณต้องการขับรถ ตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดคือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ที่อาจส่งผลต่อการขับรถของคุณ 

ในบทความต่อไปนี้จะอธิบายตัวอย่างวิธีการทำงานของการทดสอบสารเสพติดด้วยที่ตรวจสารเสพติดกับ ด่านตรวจสารเสพติด บนท้องถนน และอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ที่คุณสามารถทำได้เพื่อความ

ด่านตรวจสารเสพติด

การทดสอบยาเสพติดคืออะไร?

การทดสอบยาเสพติดคือการตรวจหาร่องรอยของยาเสพติดในร่างกายโดยใช้ ที่ตรวจสารเสพติด ไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะ ลมหายใจ ผม น้ำลาย หรือเหงื่อ อาจใช้การทดสอบเพื่อตรวจหายาเสพติดที่ผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับยาตามกฎหมายที่ไม่ได้รับอนุญาตในขณะขับรถ ในสถานที่ทำงานหรือกีฬาเฉพาะ

การผ่านการทดสอบยาอาจหมายความว่ายานั้นไม่มีอยู่ในร่างกายของคุณแล้ว หรือการทดสอบนั้นไม่สามารถตรวจพบร่องรอยที่เหลืออยู่ได้

การตรวจสารเสพติดโดยการทดสอบน้ำลาย

การทดสอบยาเสพติดริมถนนแบบสุ่มใช้ตัวอย่างน้ำลายเพื่อตรวจหายาผิดกฎหมายด้วย ชุดตรวจสารเสพติด คุณสามารถเข้ารับการตรวจโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณ ด่านตรวจสารเสพติด รวมทั้งสายตรวจทางหลวง โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บตัวอย่างน้ำลายของคุณโดยวางตัวดูดซับไว้ในปากหรือบนลิ้นเป็นเวลาสองสามวินาที จากนั้นจึงวิเคราะห์ตัวอย่างที่ริมถนน ซึ่งใช้เวลาประมาณสามนาที หากการทดสอบเป็นบวก จะต้องได้รับการยืนยันโดยการทดสอบในห้องปฏิบัติการก่อนจึงจะสามารถวางข้อหาได้ 

การทดสอบน้ำลายริมถนนสามารถตรวจหายาที่มี

  • THC (Tetrahydrocannabinol) ในกัญชา มีคุณสมบัติต่อจิตประสาท ทำให้เกิดความผ่อนคลาย และเคลิบเคลิ้ม
  • แอมเฟตามีน พบในยา Amphetamine (ยาบ้า), Methamphetamine (กลุ่มยาบ้า ยาไอซ์), Methcathinone, Ecstasy Group (กลุ่มยาอี), MDA (ยาเลิฟ), MDEA (ยาอีฟ)
  • MDMA หรือยาเลิฟ เป็นยาที่แพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบเที่ยวกลางคืน เสพโดยการรับประทานเป็นเม็ด และมักเสพร่วมกับการดื่มสุรา ออกฤทธิ์ภายใน เวลา 45 นาทีและฤทธิ์ยาอยู่ในร่างกายนานประมาณ 6-8 ชั่วโมง มีฤทธิ์สูงสุดภายในเวลา 1-5 ชั่วโมง

ยาที่ตรวจไม่พบเมื่อตรวจกับ ด่านตรวจสารเสพติด บนท้องถนน

หากตำรวจเชื่อว่าคุณมีอาการผิดปกติจากยาที่ตรวจไม่พบในการทดสอบด้วยที่ตรวจสารเสพติด ตำรวจอาจขอให้คุณทำแบบทดสอบอีกครั้ง สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการประเมินความสมดุล การประสานงาน และพฤติกรรมโดยรวมของบุคคล หลังการประเมิน ตำรวจสามารถขอตรวจเลือดหรือปัสสาวะเพื่อตรวจสอบว่าคุณมียาเสพติดอยู่ในร่างกายหรือไม่

การทดสอบบนถนนสามารถตรวจพบยาได้นานแค่ไหน?

ผลการตรวจที่เป็นบวกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณที่คุณได้รับ ความแรงของขนาดยา ยาเสพติดที่ใช้ ความถี่ในการเสพเ และเมตาบอลิซึมของร่างกายคุณ

  • กัญชา: การทดสอบน้ำลายโดย ที่ตรวจสารเสพติด สามารถตรวจจับ THC (สารออกฤทธิ์ในกัญชา) ได้ประมาณ 12 ชั่วโมงหลังการใช้ในผู้ที่ใช้กัญชาไม่บ่อยนัก สำหรับผู้ที่ใช้กัญชาบ่อย ๆ มักจะตรวจพบ THC ได้ประมาณ 30 ชั่วโมง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ใช้กัญชาบ่อยครั้งที่จะรู้ว่า THC สามารถพบได้ในตัวอย่างปัสสาวะประมาณหนึ่งเดือนหลังจากใช้กัญชาครั้งล่าสุด เนื่องจากร่างกายเก็บ THC ไว้ในเซลล์ไขมันเป็นระยะเวลาหนึ่ง
  • แอมเฟตามีน: อาจตรวจพบในน้ำลายได้ประมาณสองวันหลังจากใช้ ผู้คนอาจรู้สึกเหนื่อยล้า วิตกกังวล และหงุดหงิด
  • MDMA: อาจตรวจพบได้ในการทดสอบน้ำลายประมาณสองวันหลังจากใช้
  • ยารักษาโรค: หากคุณกำลังใช้ยา ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ของคุณเกี่ยวกับผลกระทบรวมต่อความสามารถในการขับรถของคุณ

ยาแต่ละชนิดใช้เวลาในการออกจากร่างกายแตกต่างกัน การแสดงฤทธิ์ของยาเสพติดอาจใช้เวลานานกว่านั้น ตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดคือไม่ขับรถหลังจากที่คุณดื่มสุราหรือเสพยา แม้ว่าคุณจะรู้สึกโอเคที่จะขับรถ แต่คุณก็ยังสามารถได้สร้างผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อตัวคุณเองและผู้อื่นบนท้องถนนได้ ทางที่ดีที่สุดคือไม่ดื่มและไม่เสพ

สนใจสั่งซื้อที่ตรวจสารเสพติด ไม่ว่าจะเป็นแบบจุ่ม หรือแบบหยด สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่บริษัท เอ็นเจที แอร์ แอนด์ ซี โลจิสติคส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจำหน่าย ชุดตรวจสารเสพติด ในปัสสาวะ ที่มีคุณภาพและมีใบรับรองผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ FSC, ISO 13485 และ CE Mark (IVD) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ท่านที่สนใจสามารถคลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อสอบถามเพิ่มได้ทันที ที่ https://njt-drugtest.com