เมื่อใช้ชุดตรวจเบื้องต้นแล้วพบว่า ที่ตรวจสารเสพติดขึ้น 2 ขีดจาง หลายคนอาจรู้สึกกังวลหรือสับสนว่าผลลัพธ์นั้นหมายความว่าอย่างไร และควรดำเนินการอย่างไรต่อไป ในปัจจุบันที่ตรวจสารเสพติดแบบรวดเร็ว (Rapid Test) ถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลายบริบท ทั้งในสถานประกอบการ โรงเรียน หน่วยงานราชการ หรือแม้แต่ในครัวเรือน ด้วยข้อดีเรื่องความสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ผลตรวจที่ปรากฏ 2 ขีดแต่มีความจาง โดยเฉพาะขีดที่ตำแหน่งทดสอบ (T) มักเป็นสัญญาณที่คลุมเครือ ซึ่งต้องการการพิจารณาอย่างละเอียด บทความนี้จึงจะพาคุณทำความเข้าใจว่าผลลัพธ์ดังกล่าวหมายถึงอะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และควรปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำและน่าเชื่อถือที่สุด
ก่อนจะตีความผลการตรวจได้อย่างถูกต้อง ควรเข้าใจก่อนว่า ชุดตรวจสารเสพติดส่วนใหญ่ในท้องตลาดทำงานอย่างไร โดยทั่วไปจะเป็นแผ่นตรวจที่ใช้ร่วมกับปัสสาวะ มีสองขีดในการอ่านผล ได้แก่ ขีดควบคุม (C) และขีดทดสอบ (T) ขีด C จะต้องแสดงขึ้นเสมอทุกครั้งเพื่อแสดงว่าชุดตรวจยังใช้งานได้ ขณะที่ขีด T จะเป็นตัวแสดงผลว่าพบสารเสพติดหรือไม่ หากมีการปรากฏ 2 ขีดชัดเจน แสดงว่าไม่พบสารเสพติด (ผลลบ) แต่หากขึ้นเพียง 1 ขีดที่ C แสดงว่าพบสารเสพติด (ผลบวก)
สิ่งที่สร้างความสับสนคือ ในบางกรณีที่ตรวจสารเสพติดอาจแสดงขีด T อย่างจางมากจนแทบมองไม่เห็น ซึ่งทำให้หลายคนไม่แน่ใจว่าเป็นผลลบหรือผลบวกกันแน่ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการวิเคราะห์และพิจารณาขั้นตอนต่อไปอย่างรอบคอบ
การที่ขีด T จางอาจเกิดจากหลายปัจจัย ซึ่งไม่ควรมองข้าม เพราะอาจมีผลต่อความแม่นยำของผลตรวจ หนึ่งในสาเหตุหลักคือ ปริมาณสารเสพติดในร่างกายอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ “ค่าตรวจจับ” ของชุดตรวจ หรือที่เรียกว่า cut-off level เมื่อระดับสารอยู่บริเวณขอบเขตนี้ การตอบสนองของสารในชุดตรวจอาจไม่ชัดเจน ทำให้เกิดขีดที่มีความเข้มน้อยกว่าปกติ
อีกปัจจัยที่พบบ่อยคือ ชุดตรวจสารเสพติดอาจใกล้หมดอายุ หรือถูกเก็บรักษาในสภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น ความร้อนหรือความชื้นสูง ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของแผ่นตรวจ นอกจากนี้ การใช้ผิดวิธี เช่น จุ่มนานเกินไป หยดปัสสาวะน้อยไป หรือรออ่านผลนานเกินกว่าที่กำหนด ล้วนทำให้เกิดการแสดงผลผิดเพี้ยนได้เช่นกัน
สำหรับการแปลผลที่ถูกต้อง ควรอ้างอิงตามคู่มือของ ชุดตรวจสารเสพติดที่ใช้ เนื่องจากแต่ละยี่ห้ออาจมีคำแนะนำเฉพาะ อย่างไรก็ตาม โดยหลักการทั่วไป หากมีขีด C ปรากฏ และขีด T แม้จะจางแต่ยังเห็นชัดเจนพอสมควร ก็มักจะถือว่าเป็น “ผลลบ” แต่หากขีด T จางจนเกือบมองไม่เห็น หรือปรากฏเพียงเงา ควรตรวจซ้ำ หรือส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อความมั่นใจ
สิ่งสำคัญคือต้องไม่อ่านผลเกินเวลาที่ชุดตรวจระบุไว้ เช่น หากระบุให้อ่านผลใน 5 นาที ก็ไม่ควรรอจนถึง 10 นาที เพราะผลที่ได้อาจเปลี่ยนไปจากความจริง โดยเฉพาะหากเป็นที่ตรวจสารเสพติด ราคาถูกที่คุณภาพไม่แน่นอน
แม้ว่าผลจะดูเหมือน “ลบ” เพราะมี 2 ขีด แต่หากขีด T จางผิดปกติ ไม่ควรรีบสรุปว่าผลเป็นลบทันที โดยเฉพาะในกรณีที่ผลมีผลต่อการตัดสินใจสำคัญ เช่น การสมัครงาน หรือการตรวจในกระบวนการยุติธรรม
หากเป็นไปได้ ควรเปลี่ยนที่ตรวจสารเสพติด หรือเลือกชุดตรวจจากคนละผู้ผลิต และทำการตรวจใหม่อีกครั้ง การตรวจซ้ำภายใน 1-2 ชั่วโมงจะช่วยยืนยันผลได้ดีขึ้น โดยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของชุดตรวจอย่างเคร่งครัด
หากผลยังไม่ชัดเจน หรือมีผลกระทบเชิงกฎหมาย แนะนำให้เก็บตัวอย่างปัสสาวะและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธีที่แม่นยำ เช่น GC-MS หรือ LC-MS/MS ซึ่งสามารถตรวจจับสารได้แม้ในปริมาณน้อยมาก และเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับในทางกฎหมายและการแพทย์
หากคุณใช้ยาแก้ไอ แก้หวัด หรือยาใด ๆ ที่อาจมีส่วนผสมของ pseudoephedrine, codeine หรือยาในกลุ่ม benzodiazepine ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพราะอาจส่งผลต่อผลของ ชุดตรวจสารเสพติด และทำให้เกิดผลลวงได้
การใช้ยาบางชนิดอาจทำให้ผลจาก ที่ตรวจสารเสพติดขึ้นขีดผิดเพี้ยน เช่น ยาแก้หวัดที่มี pseudoephedrine อาจให้ผลคล้ายแอมเฟตามีน หรือยากล่อมประสาทบางชนิดอาจไปกระตุ้นการตอบสนองในชุดตรวจกลุ่มเบนโซไดอะซีพีน การแยกแยะจึงต้องอาศัยการตรวจที่แม่นยำขึ้น หากมีข้อสงสัย
เพื่อให้การใช้งานชุดตรวจสารเสพติด มีประสิทธิภาพสูงสุดควร
หากผลจากที่ตรวจสารเสพติดขึ้น 2 ขีดจาง โดยเฉพาะขีด T ที่จางผิดปกติ สิ่งสำคัญอันดับแรกคืออย่ารีบด่วนสรุปผล เพราะอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ปริมาณสารอยู่ในระดับใกล้เคียงค่าตรวจจับ (cut-off level), ชุดตรวจเสื่อมสภาพ หรือการใช้ไม่ถูกวิธี ดังนั้นควรตรวจซ้ำ ด้วยชุดตรวจใหม่จากผู้ผลิตอื่นเพื่อความแม่นยำมากขึ้น และอ่านผลภายในเวลาที่กำหนด หากผลยังไม่ชัดเจน ควรส่งตัวอย่างไปตรวจยืนยันในห้องปฏิบัติการ ด้วยวิธีมาตรฐานอย่าง GC-MS ซึ่งมีความแม่นยำสูง นอกจากนี้หากมีประวัติใช้ยาบางชนิด ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะยาเช่น pseudoephedrine หรือ codeine อาจทำให้ผลตรวจคลาดเคลื่อนได้ เพื่อให้การประเมินผลเป็นธรรมและถูกต้อง ควรใช้ที่ตรวจที่มีคุณภาพและเก็บรักษาอย่างเหมาะสมทุกครั้ง
ตรวจสอบสารเสพติดอย่างปลอดภัยด้วยที่ตรวจสารเสพติดคุณภาพจากเอ็นเจที แอร์ แอนด์ ซี โลจิสติคส์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่าย ชุดตรวจสารเสพติดคุณภาพสูงและมีใบรับรองผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ FSC , ISO 13485 และ CE Mark (IVD) มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิต
ที่ตั้ง
269/147 ถนนราษฏร์พัฒนา แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
เกี่ยวกับเรา
บริษัท เอ็นเจที แอร์ แอนด์ ซี โลจิสติคส์ จำกัด ได้เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2556 เราเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายชุดตรวจสารเสพติดในปัสสาวะที่มีคุณภาพและมีใบรับรองผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ FSC , ISO 13485 และ CE Mark (IVD) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล